3 สิ่งที่องค์กรยุคใหม่ นึกถึงเป็นอันดับแรก เมื่อต้องพูดถึงความสะอาดกับการทำงาน

ในยุคที่วิกฤติโควิด-19 ยังอยู่กับเรา มาเป็นช่วงเวลากว่า 2 ปีแล้ว และดูเหมือนจะยังไม่หายไปง่ายๆ ความสะอาดปลอดเชื้อของสถานที่ต่างๆ จึงเป็นสิ่งแรกๆ ที่คนในสังคมให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย พื้นที่ส่วนรวมต่างๆ ทั้งพื้นที่สาธารณะ และที่ทำงาน

ช่วงนี้หลายๆ ออฟฟิศได้กลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศกันบ้างแล้ว บ้างก็เต็มเวลางาน บ้างก็วันเว้นวัน บ้างก็อาศัยระบบไฮบริด ซึ่งอาจสลับกันบ้างตามความเหมาะสม Seekster เองก็เป็นหนึ่งในหลายๆ บริษัทที่อนุญาตให้พนักงานได้ทำงานแบบไฮบริด แต่ก็ไม่ลืมเรื่องความสะอาดของออฟฟิศไปซะทีเดียว เราจึงมี 3 สิ่งที่องค์ยุคใหม่ ควรนึกถึงเป็นอันดับแรก หากต้องพิจารณารูปแบบการเข้าออฟฟิศของพนักงานในบริษัทมาฝากกัน

1.ความสะอาด กับ การอยู่ร่วมกันในสังคมคนทำงาน

การอยู่ร่วมกันของคนในองค์กรจำเป็นต้องใส่ใจความสะอาดมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงของการติดโรคต่างๆ ในปัจจุบัน ซึ่งปฎิเสธไม่ได้เลยว่าโควิด-19 ทำให้บริบทของสังคมการทำงานเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากการที่พนักงานบริษัทเป็นนับร้อย นับพันคน ได้ร่วมใช้ชีวิตในออฟฟิศทำงานกันแบบ old-normal ถูกเปลี่ยนไปเป็น Work from home (WFH) หรือเป็นการสลับกะทำงาน (Hybrid) เพื่อลดความเสี่ยงของการติดโรคต่างๆ ในปัจจุบัน

จากหนึ่งในบทความของ Journal of Occupational and Environmental Medicine (JOEM) ที่เกี่ยวกับ ‘ความเกี่ยวข้องของการเจ็บป่วยที่ส่งผลต่อผลงานของลูกจ้าง’ ได้ชี้ว่า การเจ็บไข้ได้ป่วยของพนักงานนั้น ส่งผลต่อความสามารถในการดำเนินงาน การตัดสินใจ และ การโฟกัสที่เกี่ยวข้องกับงาน หรือแม้กระทั้งความรู้สึกผิดที่ต้องรับผิดชอบหากมีเพื่อนร่วมงาน หรือ คนใกล้ชิดต้องป่วยจากการติดโรคด้วยเช่นกัน ดังนั้น การที่องค์กรสามารถที่จะหลีกเลี่ยงต้นตอของสาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย และ ด้านจิตใจให้กับพนักงานในองค์กรได้ จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่องค์กรยุคใหม่อาจจะต้องคำนึงถึง

2. การปลูกฝังจิตสำนึกให้รักความสะอาดในสังคมการทำงาน

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เห็นได้ชัดเจนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาคือคนในสังคมต่างๆ โดยเฉพาะสังคมการทำงาน ให้ความสำคัญในการป้องกันความสะอาดให้ตนเองและผู้อื่นอยู่เสมอ เช่น สวมหน้ากากอนามัย ใช้แอลกอฮอล์ถูมือ ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ และทำความสะอาดจุดสัมผัสบนของใช้ต่างๆ เป็นประจำจนติดเป็นนิสัย และทำตามกันในวงกว้าง

ในทางกลับกัน แม้สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น การใช้ชีวิตในสังคมก็มีความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถไว้วางใจด้านความปลอดภัย และความสะอาดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในฐานะของบริษัท องค์กร และนายจ้างนั้น จำเป็นต้องมีการปรับตัวและวัฒนธรรมองค์กรให้เข้ากับสังคมการทำงานแบบ New Normal ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ Work Form Home หรือ Hybrid ก็แล้วแต่ความสะดวกขององค์กรนั้นๆ

3. การปรับโครงสร้าง ค่าใช้จ่ายภายในองค์กร

การอยู่รอดของธุรกิจในช่วงหลังวิกฤติโรคระบาด (Post COVID-19 crisis) ถือเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการณ์ นายจ้าง องค์กรต่างๆ มีความกังวลมากที่สุด เพราะการระบาดของโรคต่างๆ นั้น สามารถเกิดขึ้นได้หลายรอบ ไม่ได้มีเพียงแค่รอบเดียวแล้วหาย ดังนั้น การปรับโครงสร้างของการจ้างงาน เช่น ปลดพนักงาน ชะลอการว่าจ้างงานออกไป รวมถึงการปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดค่าใช้จ่ายในด้านการทำความสะอาดออฟฟิศในช่วงที่มีการ Work From Home หรือ Hybrid นั่นเอง

TIPS สำหรับผู้ประกอบการ นายจ้าง หรือ องค์กรที่กำลังมองหาแม่บ้านทำความสะอาดออฟฟิศ สำนักงาน

ปัจจุบันมีทางเลือกในการจ้างแม่บ้านทำความสะอาด จ้างแม่บ้านสำนักงาน ดังนี้

1.แม่บ้านประจำ คือ แม่บ้านที่ดูแลความสะอาดตามเวลาเข้า-ออกงาน และเป็นการว่าจ้างตามสัญญา

ข้อดี

  • แม่บ้านสำนักงานจะมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับพนักงานคนอื่นๆ มีส่วนร่วมในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้
  • แม่บ้านสำนักงานจะพร้อมทำงานได้ตลอดเวลา เมื่อถูกเรียกขอให้ช่วยจัดการงานทำความสะอาด

ข้อที่ต้องพิจารณา

  • ค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างงานที่ต้องไปเป็นตามสัญญา และ กฎหมายแรงงานที่เข้มงวด และสวัสดิการอื่นๆ เช่น ประกันสังคม ประกันชีวิต เงินกองทุน อื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องให้พนักงาน
  • การจัดการงานและเวลางานของแม่บ้านสำนักงาน เนื่องจากปัจจุบัน ผู้คนในสังคมเริ่มมีการตื่นตระหนักกับการรักษาความสะอาดมากขึ้น อาจจะทำให้ปริมาณงานที่แม่บ้านทำความสะอาดนั้นน้อยลง หรือจำเป็นต้องให้แม่บ้านทำความสะอาดประจำไปทำงานส่วนอื่น

2. แม่บ้านรายครั้ง คือแม่บ้านที่รับงานทำความสะอาดผ่านแอปพลิเคชั่น เป็นที่รู้จักกันในชื่อ แม่บ้านออนไลน์ หรือ แม่บ้านฟรีแลนซ์

ข้อดี

  • สามารถเรียกและจ้างแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดได้ตามความต้องการ
  • ค่าใช้จ่ายจะไม่สูงและเป็นไปตามจำนวนชั่วโมงที่จ้างมาทำความสะอาด

ข้อที่ต้องพิจารณา

  • ตารางงานว่าง หรือความเร่งด่วนที่ต้องการใช้บริการอาจจะไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากการจ้างแบบรายครั้ง จำเป็นจะต้องเรียกบริการล่วงหน้า หรือมีการสอบถามแม่บ้านว่าสะดวกทำความสะอาดตามวันและเวลาหรือไม่
  • เหตุการณ์ที่อาจจะทำให้แม่บ้านรายครั้ง ยกเลิก หรือ เลื่อนงาน เพราะแม่บ้านรายครั้งอาจจะมีความจำเป็น หรือ มีเหตุด่วนที่ไม่สามารถที่จะทำความสะอาดให้ตามวันและเวลาที่กำหนดไว้ได้ ทางบริษัท หรือผู้ว่าจ้าง อาจจะต้องมีตัวเลือกของแม่บ้านรายครั้งมากกว่า 1-2 คน สำรองไว้
  • การควบคุมคุณภาพงาน เนื่องจากการจ้างเป็นรายครั้ง อาจจะทำให้ผู้ว่าจ้าง จะต้องพบเจอกับแม่บ้านทำความสะอาดที่ไม่ซ้ำหน้ากัน คุณภาพและความละเอียดอ่อนกับเนื้องงานทำความสะอาด อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้

3. แม่บ้านรายสัญญา คือ แม่บ้านทำความสะอาดมืออาชีพที่ผ่านการคัดกรองและดูแลผ่านบริษัทผู้เชี่ยวชาญ

ข้อดี

  • สามารถกำหนด วันและเวลา ของแม่บ้านที่จะมาทำความสะอาดได้ตามที่ต้องการ
  • สามารถปรับเปลี่ยน หรือ ขอแม่บ้านทำความสะอาดที่ต้องการได้
  • มีค่าใช้จ่ายในการจ้างทำความสะอาดที่น้อยกว่า และ ปรับเปลี่ยนตามจำนวนชั่วโมง หรือมีโปรโมชั่นเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดได้
  • บริษัทผู้เชี่ยวชาญมี ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ และประกันโรคร้ายแรง รวมถึงเบี้ยขยันให้แม่บ้านเอง หากทำความสะอาดได้ครบตามเป้าหมาย โดยที่บริษัท องค์กร นายเจ้าที่เป็นลูกค้าไม่ต้องแบกรับภาระส่วนนี้
  • สามารถแบ่งจ่ายค่าจ้างแม่บ้านทำความสะอาดเป็นรายเดือนได้
  • มีการตรวจเช็คประวัติอาจชญากรรม ประวัติการทำงาน
  • มีทีมงานของบริษัทผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการ และดูแลคิวงานของแม่บ้าน และติดตามผลงาน อีกทั้งยังมีประกันทดแทนค่าเสียหาย ในกรณีมีทรัพย์สินเสียหาย

ข้อที่ต้องพิจารณา

  • ค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดอาจจะมีราคาที่สูงกว่าแม่บ้านทำความสะอาดรายครั้ง

เห็นได้ชัดเจนเลยว่า หนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำให้องค์กรเดินหน้าต่อไปได้คือความสะอาดของสถานที่ทำงาน เพราะนอกจากจะทำให้ออฟฟิศ สำนักงาน น่าอยู่ น่าทำงานแล้ว ยังช่วยลดการแพร่ของเชื้อโรค ซึ่งเป็นส่วนสำคัญทำให้พนักงานในบริษัทเจ็บป่วย ซึ่งอาจส่งผลให้งานต่างๆ ไม่สำเร็จลุล่วงนั่นเอง

ผู้ประกอบการ นายจ้าง หรือ องค์กร ที่กำลังมองหาแม่บ้านสพนักงาน แม่บ้านออฟฟิศ มาช่วยดูแลความสะอาดภายในสำนักงาน สารมารถลงทะเบียนและรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่: https://join.seekster.co/2022/maidforbusiness