Highlight

  1. เปลี่ยน Fixed Cost ให้เป็น Variable Cost โดยการส่งแรงงานบางส่วนเข้าสู่ระบบ Sharing Economy
  2. Digital Innovation จัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระเบียบเพื่อนำไปวางแผนและใช้แรงงานที่มีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
  3. ปรับโมเดลโรงแรมเพื่อรองรับลูกค้าภายในประเทศ สร้างจุดเช็คอินใหม่ หรือ เอกลักษณ์ใหม่เพื่อสร้างช่องทางเพิ่มรายรับจากลูกค้าในประเทศ

จาก Content New normal ของ Seekster คราวก่อน วันนี้ทาง Seekster ขอแชร์ไอเดีย New normal ของธุรกิจโรงแรมที่เราได้ศึกษาจากพี่เจ้าของโรงแรมหลายๆท่านบ้างนะคะ เนื่องจากธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจอันดับต้นๆ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และธุรกิจโรงแรมเองก็เป็นธุรกิจหลักที่สำคัญของประเทศท่องเที่ยวอย่างประเทศไทยค่ะ

New normal ของธุรกิจโรงแรมอาจหมายถึง การจัดการสุขอนามัยอย่างดีเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นในห้องพักหรือพื้นที่ส่วนกลาง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสภายในโรงแรม หรืออาจจะรวมถึงการจัดการระเบียบและค่าใช้จ่ายภายในโรงแรมค่ะ

  1. เปลี่ยนค่าใช้จ่าย Fixed cost เป็น Variable cost

สำหรับหัวข้อนี้ ผู้เขียนมั่นใจว่าเป็นไอเดียที่เกิดขึ้นมานานกับหลายๆโรงแรม ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นเมื่อกิจการต้องปิดตัวชั่วคราวค่ะ  ซึ่งการลด Fixed cost เองก็มีได้หลายๆวิธี ซึ่งวิธีหนึ่งในนั้นได้แก่ การลดจำนวน/ เงินเดือนพนักงาน ค่ะ

การลดจำนวนหรือเงินเดือนพนักงาน ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากจะทำค่ะ แน่นอนว่าความผูกพัน และวัฒนธรรมขององค์กรก็มีความสำคัญมากที่เดียวต่อการจัดสินใจครั้งนี้ แต่จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าเราสามารถเก็บแรงงานที่จำเป็นให้อยู่กับเราในแบบที่ Lean ที่สุด และสามารถส่งแรงงานบางส่วนเข้าสู่ระบบ Sharing Economy ได้ ส่งต่อแรงงานของคุณให้กับโรงแรมอื่นๆได้ใช้ เป็นกลุ่มแม่บ้าน/ แรงงานส่วนกลาง ที่เรียกใช้เมื่อที่ต้องการใช้ โดยไม่ต้องมี Fixed cost ผูกพัน และจ่ายเงินตามการใช้งานจริง ถ้าเป็นสมัยก่อนเรื่องนี้อาจจะถูกมองว่าเป็นไปได้ยาก แต่ในยุคเทคโนโลยีปัจจุบัน สามารถทำได้แล้วค่ะ มีทั้งจ้างแม่บ้านเป็นจำนวนห้องพัก หรือจ้างเป็นจำนวนชั่วโมงค่ะ ด้วย Solution นี้เราไม่จำเป็นต้องทิ้งใครไว้ข้างหลังแล้วค่ะ

2. ได้เวลาจัดการนำการบริหารโรงแรมขึ้นระบบดิจิทัลแล้ว

ผู้อ่านลองจินตนาการโรงแรมที่บริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาควบคุม กระจายงานให้แรงงาน เก็บ Feedback ต่างๆ และสามารถทำรายงานออกมาเป็นแบบรายเดือน หรือ เรียลไทม์ได้ โรงแรมนี้ ผู้บริหารจะเห็นได้เลยว่า แม่บ้าน/ แรงงาน 1 คน สามารถทำความสะอาดห้องได้กี่ห้อง หรือ แม่บ้าน A มีงานมากกว่าแม่บ้าน B อยู่เท่าไหร่ หรือ ช่างซ่อมแอร์เข้ามาซ่อมที่ห้องพักกี่ครั้งในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

การจัดการทุกอย่างให้อยู่ในระบบดิจิทัล แน่นอนว่าเป็นเหมือนสิ่งที่อยู่ในอุดมคติ แต่ทุกอย่างสามารถทำได้แล้วค่ะ โดยยิ่งในยุคชะลอตัว ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุด ในการกลับมาวางรากฐานนี้อีกครั้ง และเมื่อทุกอย่างเข้ามาอยู่ในระบบฐานข้อมูลดิจิทัลแล้ว การตัดสินใจที่มาจากข้อมูลที่มีอยู่จะทำให้การคาดการณ์แม่นยำมากขึ้น ข้อนี้เองสามารถเชื่อมโยงไปถึงเรื่องอย่างเช่น การใช้บริการแม่บ้านอย่างไรให้คุ้มที่สุดในสถานณการณ์นั้นๆค่ะ

3. ปรับโมเดลและสร้างเอกลักษณ์ใหม่

เชื่อหรือไม่คะ ในยุคของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังมีหลายโรงแรมที่ยังเปิดให้บริการค่ะ แต่อาจจะมีการเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการบ้างเพื่อให้เข้ากับลูกค้าในกลุ่มคนไทยมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Work from home เป็น Work from hotel หรือ บางโรงแรมใช้การสร้างแลนด์มาร์คให้เป็นจุดเช็คอินของวัยรุ่นมากขึ้น และอาจจะเน้นไปที่การพัฒนาคาเฟ่ หรือห้องอาหาร หรือบางโรงแรมที่อาจจะปรับตัวไปเน้นการอยู่ในระยะยาวในช่วงกักตัวพร้อมขายบริการเสริมอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวก เป็นต้น นี่คือไอเดียบางส่วนที่รวบรวมมานะคะ

ซึ่งเชื่อมโยงจากข้อที่แล้วได้เช่นกัน เราจะเลือกพาโรงแรมไปในแนวทางไหน การเลือกโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ จะช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้นค่ะ และการที่โรงแรม Lean ขึ้นการขยับตัวหรือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ก็เกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นเช่นกันค่ะ

ทั้งหมดนี้เป็นไอเดียที่ผู้เขียนรวบรวมมาจากการพูดคุยพบปะกับเจ้าของโรงแรมหลายๆ ท่านเท่านั้นค่ะ สุดท้ายนี้ผู้เขียนเชื่อว่าเราทุกคนจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างสวยงามค่ะ อย่างน้อยที่สุดเราทุกคนได้เรียนรู้การแก้ไขปัญหาในวิกฤตระดับโลกนี้

สำหรับผู้อ่านที่สนใจลด Fixed cost ด้วยระบบ Sharing Ecomony หรือ ระบบจัดการแรงงาน สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ nhamfah@seekster.co หรือโทร 061-912-5444 (น้ำฟ้า) ได้เลยนะคะ